เพลงประจำโรงเรียน
บทร้องอโหกุมาร เป็นเพลงประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์ เพลงนี้เป็นพระนิพนธ์ของพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในกวีชั้นยอดแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระยาจรัลชวนะเพท อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเทพศิรินทร์ในสมัยนั้น เห็นว่าทางโรงเรียนมีงานรื่นเริงประจำปีเสมอ จึงควรจะมีบทเพลงประจำสักหนึ่งบท จึงทูลขอให้ทรงนิพนธ์ พระองค์ได้ทรงนิพนธ์แล้วเสร็จและประทานแก่โรงเรียนเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2474 จากนั้น วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 ทางโรงเรียนได้มีหนังสือแจ้งขออนุญาตไปยังกระทรวงธรรมการ (ปัจจุบันคือกระทรวงศึกษาธิการ) เพื่อขอใช้บทพระนิพนธ์นี้เป็นบทร้องประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์ ต่อจากนั้นพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ทรงโปรดให้ หลวงประสานบรรณวิทย์เป็นผู้ฝึกร้องตามทำนองฝรั่ง จนร้องถูกต้องดีเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2475 ดังนั้นจึงนับเอาวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2475 เป็นวันที่บทร้องอโหกุมารถูกร้องเป็นวันแรก[ต้องการอ้างอิง]
บทร้องอโหกุมารทรงนิพนธ์ด้วยสยามวิเชียรฉันท์ 8 ซึ่งมีความไพเราะมีจังหวะเสียงขึ้นลงสลับกันไปมา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่แปลก โดยบทสยามวิเชียรฉันท์ 8 นี้ พูดได้ว่ามีเพลงอโหกุมารเพียงเพลงเดียว[ต้องการอ้างอิง] และเป็นเรื่องแปลกในการใช้ฉันท์มาใส่ทำนองร้องเป็นเพลงได้[ต้องการอ้างอิง] ชาวเทพศิรินทร์ทุกคนถือว่าบทร้องอโหกุมารมีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อใดที่ได้ยินจะยืนตรงแสดงความเคารพและร้องด้วยความภูมิใจในเกียรติยศและศักดิ์ศรี และภูมิใจเสมอว่าเพลงนี้ได้ชื่อว่าเป็นเพลงประจำสถาบันที่มีความไพเราะที่สุด[ต้องการอ้างอิง]
พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ผู้แต่งบทประพันธ์ "อโหกุมาร" ให้กับโรงเรียนเทพศิรินทร์
บทร้องประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์
อโหกุมารสถานสิขา ณ เทพศิรินทร์ระบิลระบือ
สำเนียงจำโนษอุโฆษก็คือ ดรุณสยามมิคร้ามวิชาฯ
สมัญญะเลิศจะเกิดไฉน จะเกิด ณ เมื่ออะเคื้อสิขา
จะเกิด ณ คราวอะคร้าววิชา วิปักษะขามสยามวิชัยฯ
วิถีสำรวย บ่ งวย บ่ งง วิถีสำเริง บ่ เหลิงหทัย
วิถีสำราญ บ่ ซานจะไป วิถีอบาย บ่ หมายจำนงฯ
วิชาวิบุลย์ดรุณจะเรียน ประเกียรติ์จะเกิดประเสริฐประสงค์
ประเทศจะงามสยามจะยง จะสุดวิเศษก็เหตุเพราะเพียรฯ
อโหดรุณจะครุ่นสิขา อโหกุมารจะอ่านจะเขียน
วิชาจะเทียบจะเปรียบวิเชียร วิเชียรก็ชู บ่สู้วิชาฯ
วิชา ฤ แล้ง ณ แหล่งสยาม หทัยะทัยจะไตรจะตรา
หทัยะทัยจะใฝ่วิชา วิชา ฤ แล้ง ณ แหล่งสยาม
ณ เทพศิรินทร์ ณ เทพศิรินทร์ สถานสิขาสง่าพระนาม
สำนักกิฬาสง่าสนาม ณ เทพศิรินทร์ ณ เทพศิรินทร์
ชโย ชโย ชโย
คำแปลบทร้องอโหกุมาร
¤ อโหกุมารสถานสิขา ณ เทพศิรินทร์ระบิลระบือ
สำเนียงจำโนษอุโฆษก็คือ ดรุณสยามมิคร้ามวิชาฯ
- เด็กชายทั้งหลายซึ่งอยู่ในสถานศึกษาแห่งนี้ ที่นี่ ที่เทพศิรินทร์ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ เสียงที่กล่าวขานอย่างกึกก้องนั้น คือเด็กชายชาวสยามไม่เคยย่อท้อต่อการศึกษาเล่าเรียน
¤สมัญญะเลิศจะเกิดไฉน จะเกิด ณ เมื่ออะเคื้อสิขา
จะเกิด ณ คราวอะคร้าววิชา วิปักษะขามสยามวิชัยฯ
- เหตุใดเล่าสมญานามที่ดีงามเช่นนี้จึงเกิดได้ เกิดขึ้นได้ก็เพราะความเจริญงอกงามทางการศึกษา เกิดขึ้นก็เพราะได้การศึกษาที่น่าภาคภูมิใจ เด็กชายชาวสยามจะสามารถเอาชนะคู่แข่งทางการศึกษาได้เสมอจนเป็นที่เกรงขาม
¤ วิถีสำรวย บ่ งวย บ่ งง วิถีสำเริง บ่ เหลิงหทัย
วิถีสำราญ บ่ ซานจะไป วิถีอบาย บ่ หมายจำนงฯ
- มิได้ลุ่มหลงอยู่กับความโอ่อ่า มิได้มัวเพลินอยู่กับการรื่นเริง มิได้ปรารถนาจะไปสู่หนทางแห่งความสุขสำราญ ไม่เคยหลงผิดที่จะสู่หนทางแห่งความเสื่อม
¤ วิชาวิบุลย์ดรุณจะเรียน ประเกียรติ์จะเกิดประเสริฐประสงค์
ประเทศจะงามสยามจะยง จะสุดวิเศษก็เหตุเพราะเพียรฯ
- วิชาความรู้เท่านั้นที่เราใส่ใจ เราจะสร้างเกียรติยศชื่อเสียงให้เป็นที่ปรากฏ ประเทศชาติจะดีงามมั่นคง และเจริญรุ่งเรืองได้ก็ด้วยพวกเราพากเพียรในการศึกษา
¤ อโหดรุณจะครุ่นสิขา อโหกุมารจะอ่านจะเขียน
วิชาจะเทียบจะเปรียบวิเชียร วิเชียรก็ชู บ่สู้วิชาฯ
- เด็กชายชาวสยามจะใฝ่ใจในการศึกษา เราจะเพียรเรียนเขียนอ่าน หากจะนำวิชาความรู้มาเทียบกับเพชร เพชรก็มิอาจเทียบได้กับคุณค่าของความรู้
¤ วิชา ฤ แล้ง ณ แหล่งสยาม หทัยะทัยจะไตรจะตรา
หทัยะทัยจะใฝ่วิชา วิชา ฤ แล้ง ณ แหล่งสยาม
- เมื่อรู้คุณค่าของความรู้เช่นนี้แล้ว และเมื่อดวงใจทุกดวงจดจ่อในการศึกษาเช่นนี้แล้ว มีหรือที่วิชาความรู้จะสูญสิ้นไปจากแดนสยาม
¤ ณ เทพศิรินทร์ ณ เทพศิรินทร์ สถานสิขาสง่าพระนาม
สำนักกิฬาสง่าสนาม ณ เทพศิรินทร์ ณ เทพศิรินทร์
ชโย ชโย ชโย
- ที่เทพศิรินทร์ ที่เทพศิรินทร์แห่งนี้ สถานศึกษาที่เชิดชูพระนามว่าเทพศิรินทร์ เป็นที่ยอมรับยิ่งขึ้น สถานศึกษาที่สร้างนักกีฬาที่องอาจในสนามแข่งขัน ที่นี่ที่เทพศิรินทร์ที่เทพศิรินทร์แห่งนี้ ขอจงรุ่งเรือง...สืบไป

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น